เนื่องจากในปัจจุบันคอนแทคเลนส์บิ๊กอายเป็นที่นิยมมาก และมีขายกันอย่างแพร่หลาย แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังคงขาดความรู้ที่ถูกต้อง
Blog นี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อมุ่งหวังให้ผู้ใช้มีความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับคอนแทคเลนส์ โดยเฉพาะบิ๊กอาย เพราะการใช้ที่ผิดวิธี อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้
เพื่อความปลอดภัยของดวงตาของท่านเอง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้งาน

*ห้ามคัดลอกบทความในบล๊อคนี้ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดโดยเด็ดขาด

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

ข้อห้ามและข้อควรทราบในการใช้คอนแทคเลนส์

• ห้ามใส่นอน และไม่ควรใส่เกินวันละ 10 ชม
• ควรใส่คอนแทคเลนส์ก่อนแต่งหน้า และถอดออกก่อนล้างเครื่องสำอางค์
• ห้ามใช้น้ำก๊อกล้างเลนส์และอุปกรณ์สำหรับเลนส์ ควรใช้น้ำเกลือ หรือน้ำยาล้างเลนส์โดนเฉพาะเท่านั้น
• ควรเปลี่ยนตลับแช่เลนส์ทุก 1-3 เดือน เพื่อลดการสะสมเชื้อโรค
• ห้ามใส่ลงน้ำ หากจำเป็นควรใช้แบบรายวันและทิ้งทันทีเมื่อใช้เสร็จ
• ห้ามแลกกันใส่กับผู้อื่นโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
• ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์ ไม่ควรใช้สบู่ที่ผสมน้ำหอม เบบี้ออยล์ หรือโลชั่น
• เมื่อเลนส์มีรอยฉีกขาด หรือเกินกำหนดการใช้งาน ควรทิ้งเลนส์นั้นทันที
• หากใส่แล้วมีอาการเคืองตา ตาแดง น้ำตาไหล ควรรีบถอดออกทันที

วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

จะดูอย่างไรว่าบิ๊กอายตัวนี้โตจริงหรือแค่หลอกลวง?

จากบทความก่อนที่เราได้พูดถึงค่า Effect กันไปแล้ว (ค่า Effect ของบิ๊กอายหมายถึงอะไร?) และสรุปได้ว่าเป็นค่าที่เชื่อถือไม่ค่อยได้ซักเท่าไร เพราะแต่ละร้านก็มีมาตรฐานในการวัดและการตั้งค่า Effect แตกต่างกันออกไป และโดยส่วนใหญ่ในประเทศไทยเอง ก็ไม่ได้ใช้เครื่องมืออะไรในการวัดเสียด้วยสิ เพราะฉะนั้นก็คงไม่แปลก ที่หลายๆคน หรือคุณเองอาจจะเคยซื้อบิ๊กอายที่โฆษณาว่า Effect 18 19 แต่ใส่มาก็โตเท่าไอ Effect 15.5 ที่มีอยู่ที่บ้านเลยหนิ!!?

ดังนั้น เราจะมาว่ากันต่อในบทความนี้กันค่ะ ว่าเราจะมีวิธีการดูคอนแทคเลนส์สียังไง ว่าใส่แล้วจะโตหรือไม่โต?

วิธีที่ดีสุด เพื่อความจริงแท้และแน่นอน เราจะต้องเห็นภาพจริงของตัวเลนส์เสียก่อน หรือว่าเห็นของจริงเลยได้ก็ยิ่งดีนะคะ จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ค่ะ

1. ตรวจดูค่า DIA (Diameter) ที่ฉลาก หากค่า DIA นั้นมีค่ามากกว่า 15.0 ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่าฉลากนั้นอาจจะเอาค่า Effect มาพิมพ์หรือว่าเป็นการพิมพ์ฉลากที่อัพค่า DIA ให้เกินจริงค่ะ เพราะปกติแล้วในประเทศเกาหลีจะมีกฏหมายเป็นข้อจำกัดว่าจะผลิต DIA ได้ไม่เกินเท่าใดค่ะ

2. ถ้า DIA 14.0 ถือว่าเป็นเลนส์ขนาดปกติและเล็กที่สุดสำหรับบิ๊กอายทั่วๆไป
DIA 14.2 ก็จะใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ไม่มาก ไม่ถึงกับเว่อร์
DIA 14.5 อันนี้เริ่มอันตรายค่ะ ถ้าลายใหญ่ถือว่าโตมากทีเดียว (อ่านรายละเอียดในข้อถัดไป)
DIA 14.7, 14.8, 15.0 อันนี้โตมว๊ากกกกกค่ะ ถ้าตาเล็กไม่แนะนำเพราะจะเอเลี่ยนอย่างรุนแรง

3. หากว่า DIA ที่เราเห็น มีค่าเท่าเดิมกับที่เราเคยใส่ ให้ดูที่ขอบใสของเลนส์นั้นๆค่ะ หากว่าขอบใสเหลือมาก ก็เท่ากับว่าลายที่พิมพ์มาเล็ก ใส่แล้วก็จะไม่โตมาก (งงมั้ยคะ?) เพราะว่าขอบใสนั้นไม่ได้ช่วยทำให้ตาเราดูโตขึ้นแต่ประการใด จะมีแค่พื้นที่ของลาย (สี) ที่อยู่บนตัวเลนส์เท่านั้นที่จะทำให้เราดูตาโตขึ้นได้ค่ะ สรุปคือเลนส์ที่มี DIA ใหญ่ ก็ไม่ใช่ว่าจะใส่แล้วโตกว่าเลนส์ที่มี DIA เล็กอยู่เสมอไป หากว่าเลนส์ใหญ่ แต่ขอบใสเยอะ ก็คือใหญ่แต่ไร้ประโยชน์นั้นเองค่ะ

ลองดูรูปเป็นตัวอย่างนะคะ ในรูปเป็นยี่ห้อ GEO Diameter 14.0 ทั้งหมด ลองดูขอบกับตอนที่ใส่แล้วว่าอันไหนโตกว่านะคะ Hint: สังเกตที่ขอบใสดีๆค่ะ


มาถึงวิธีถัดไปกันบ้าง แล้วถ้าหากว่าเราจะสั่งซื้อบิ๊กอายในอินเตอร์เนตล่ะ ทางร้านก็ไม่ค่อยแปะรูปเลนส์เสียด้วยสิ . . . อย่าเพิ่งท้อค่ะ เรายังมีอีกวิธีนึงเพื่อเลือกซื้อบิ๊กอายออนไลน์ นั้นก็คือการดูรูปรีวิวค่ะ ในเว็บบอร์ดของร้านออนไลนส์ส่วนใหญ่นั้น จะมีรูปรีวิวต่างๆทั้งของลูกค้าและแม่ค้าเอง แต่วิธีนี้จะเวิร์คก็ต่อเมื่อผู้รีวิวเป็นคนเดียวกันเท่านั้นนะคะ เพราะขนาดตาของเราไม่ได้เหมือนกันทุกคนค่ะ ถึงแม้ว่าจะดูรูปทรงคล้ายกันมาก แต่เราไม่สามารถดูขนาดตาจากรูปถ่ายได้ค่ะ ถ้าต้องการเปรียบเทียบขนาดจริงๆ จะต้องเปรียบเทียบจากตาของผู้ใส่ดวงเดียวกันเท่านั้นค่ะ

สุดท้ายนี้ หากว่าไม่ชัวร์จริงๆ ขอให้ถามค่ะ แม่ค้า/พ่อค้าที่ดี เต็มใจที่จะช่วยเหลือคุณอย่างแน่นอนค่ะ หวังว่าจะเลือกซื้อบิ๊กอายกันได้สวยถูกใจทุกคนนะคะ :)

ค่า Effect ของบิ๊กอายหมายถึงอะไร?

ในความหมายของเรา ค่า Effect คือขนาดพื้นที่สีของเลนส์ วัดเมื่อเลนส์แบนราบค่ะ
เพราะฉะนั้น ขนาดของสีเมื่อแบนราบ สามารถโตกว่า Diameter ได้
เนื่องจาก Diameter เป็นการวัดความกว้างของเลนส์ในขณะที่เลนส์โค้งค่ะ

อย่างไรก็ดี ความหมายและมาตรฐานการวัด Effect ของแต่ละประเทศ แต่ละร้าน ต่างกันไปค่ะ

สำหรับในประเทศเกาหลี ร้านส่วนใหญ่ จะไม่ได้บอก Effect เหมือนกับบ้านเราค่ะ
แต่จะบอกเป็นขนาดของสี ที่วัดตอนเลนส์โค้งอยู่ ซึ่งค่าที่ออกมาจะน้อยกว่า diameter แน่นอนค่ะ
ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าประเทศเกาหลี ไม่ได้นิยมเลนส์ที่ใหญ่โตมโหฬาร
ค่าเหล่านี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเลขสูงๆเพื่อเป็นการชวนซื้อแต่อย่างใด

ยกตัวอย่างที่ 1 ร้านหนึ่งของเกาหลี



รูปอธิบายค่าต่างๆของเค้า



ยกตัวอย่างที่ 2 อีกร้านหนึ่งในเกาหลี
ดูๆไป ขนาดเกาหลีเอง วัดออกมาก็ได้ไม่เท่ากันค่ะ



มาดูฝั่งญี่ปุ่นกันบ้าง ญี่ปุ่นเองน่าจะถือว่าเป็นแบบอย่างให้กับบ้านเราค่ะ
เพราะญี่ปุ่นก็ชอบอะไรโตๆ แบ้วๆ เหมือนกับบ้านเรานี่แหละ (หรือเราไปชอบเหมือนเค้า?)
จึงได้วัด Effect ในขณะที่เลนส์แบนราบ แต่มันอาจจะเป็นเพราะมันวัดง่ายกว่าล่ะนะ

ยกตัวอย่างที่ 3 ร้านหนึ่งในญี่ปุ่น
เลนส์ 14.2 mm Effect 14.8



ยกตัวอย่างที่ 4 อีกร้านหนึ่งในญี่ปุ่น
เลนส์ 14.0 mm Effect 14.3 mm



แถมวิธีวัดจากร้านในตัวอย่างที่ 4



มาถึงประเทศต่อไป นั้นคือจีน!! อาหมวยอย่างจีน มีที่ไหนจะอยากตาเล็ก
จีนก็ชอบแบ้วๆ โตๆเหมือนกัน และดูเหมือนปะเทศนี่จะสับสนกันเข้าไปใหญ่
บางทีก็พิมพ์ค่า Effect ไปแทนที่ Diameter เลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น แบรนด์ที่สั่งแปะฉลากเพื่อไปส่งออกจากเกาหลีไปจีน
บ้างก็จะเห็น Diameter 15.8, 16.0 ขอให้ทราบไว้ว่า นั้นมัน Effect ของเรานี่แหละ

ส่วนอันนี้คือวิธีวัด Effect ของจีนค่ะ



พูดมาตั้งเยอะ แล้วประเทศไทยล่ะ?? Effect คืออะไร วัดกันอย่างไร
คำตอบคือ ส่วนใหญ่ไม่วัดค่ะ บ้างก็คิดเอง บ้างก็ลอกกันมา
บ้างลูกค้าก็เป็นคนคิดให้ พี่มี 18 มิลมั้ย มีสิ อันนี้ไงน้อง ถามไรมามีหมดค่ะ
แต่ส่วนใหญ่ก็จะว่าไปตามผู้นำเข้ารายใหญ่ค่ะ เค้าตั้งมาเท่าไร เราก็เรียกตามๆกันไป
จนคำว่า Effect ในบ้านเราอาจจะไม่ได้หมายความถึงพื้นที่ของสีบนเลนส์อีกต่อไป
แต่หมายถึงอะไรไม่รู้ ที่ว่ายิ่งมากก็ยิ่งดีล่ะมั้ง ???

แล้วทีนี้ จะรู้ได้อย่างไร ว่าเลนส์ไหนใหญ่จริง เลนส์ไหนก็แค่โม้
ขอแบ่งไปขึ้นตอนต่อไปนะคะ -> จะดูอย่างไรว่าบิ๊กอายตัวนี้โตจริงหรือแค่หลอกลวง? :)

วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

ค่าสายตาคืออะไร ไม่เคยวัดสายตา ใส่บิ๊กอายได้มั้ย?

คำถามนี้ก็เป็นคำถามที่พบบ่อยอีก 1 ข้อค่ะ เพราะโดยส่วนมากแล้ว ผู้ที่ไม่ได้สายตาสั้น และไม่เคยใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์มาก่อน ก็จะไม่คุ้นเคยกับคำว่า ค่าสายตา หรือการวัดสายตา ว่ามันเป็นยังไง วัดที่ไหน อย่างไร เท่าไร แต่คนที่สายตาสั้นอยู่แล้ว พอได้ยินคำถามก็จะงง เอ๊ะ!? นี่เธอไม่รู้จักการวัดสายตาหรือเนี่ย

ค่าสายตา ประกอบด้วยตัวเลข 3 ค่า ที่แสดงความหมายต่างกันออกไปค่ะ

1. ค่าสายตาสั้นหรือค่าสายตายาว
ค่าสายตาสั้น จะมีเครื่องหมายลบนำหน้า (-)
ค่าสายตายาวจะมีเครื่องหมายบวกนำหน้าค่ะ (+)

2. ค่าสายตาเอียง (มีเครื่องหมายบวกลบกำกับ)

3. องศาที่เอียง มีหน่วยป็นองศาค่ะ

ค่าสายตานั้น เราสามารถวัดได้ที่ร้านแว่นทั่วๆไป โดยส่วนใหญ่ทางร้านจะให้เราวัดด้วยสองวิธี คือการอ่านชาร์ตและใช้เครื่องวัด การวัดนั้นใช้เวลาไม่นาน ไม่เจ็บแต่อย่างไร ประมาณ 5-10 นาทีก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ สำหรับค่าใช้จ่ายก็อยู่ที่ครั้งละประมาณ 100 บาท หากว่าเราไม่ได้ซื้อสินค้าในร้านแว่นนั้นๆค่ะ แต่ถ้าเราจะตัดแว่นในร้าน ส่วนใหญ่ทางร้านก็จะบริการวัดค่าสายตาให้ฟรีค่ะ

แล้วถ้าไม่อยากวัดสายตาล่ะ ไม่เคยวัดมาก่อน จะซื้อบิ๊กอายใส่เพื่อความสวยงามเลยได้มั้ย? คำตอบก็คือ ถ้าคุณมองเห็นเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวัดค่าสายตาค่ะ และเลือกใส่บิ๊กอายสำหรับค่าสายตาปกติ หรือ ค่าสายตา 0.00 ได้เลยค่ะ ที่สำคัญคือ ถ้าไม่เคยวัดสายตามาก่อน อย่าได้ริลองซื้อแบบมีค่าสายตามั่วๆมาใส่โดยการสุ่มเด็ดขาดนะคะ เพราะมีแต่ใส่แล้วจะปวดหัวปวดตา เดินเหมือนคนเมา ซื้อมาเสียเปล่า ได้แต่ทิ้งอย่างเดียวจ้า

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

ความนิ่มหรือความแข็งของบิ๊กอาย แบบไหนดีกว่ากัน?

บางคนที่เพิ่งลองบิ๊กอายหรือคอนแทคเลนส์ยี่ห้อใหม่
อาจจะแปลกใจว่า อุ้ย! ทำไมเลนส์นี้นิ่มจัง หรือเลนส์นี้แข็งจัง เสียหรือป่าวเนี่ย!?
ใจเย็นๆก่อนค่ะ เพราะนี้เป็นเรื่องปกติของเลนส์ที่ผลิตจากคนละโรงงาน
หรือไม่ก็โรงงานเดียวกัน แต่เป็นเลนส์คนละสเป็คกันค่ะ

ที่นี่ เราก็อาจจมีคำถามเพิ่มว่า แล้วทำไมต้องมีหลายๆแบบด้วย
ทำไมไม่ทำแบบที่ดีที่สุดไปเลยอันเดียว..?
งั้นเรามีดูข้อดีข้อเสียของเลนส์แต่ละแบบกันก่อนนะคะ

เลนส์บาง อมน้ำมาก ส่วนใหญ่จะินิ่มค่ะ
ข้อดี ออกซิเจนไหลผ่านได้ดี สบายตา
ข้อเสีย ตั้งทรงยาก (ใส่ยากสำหรับบางคน) ตาแห้งเร็ว

เลนส์หนา อมน้ำน้อย ส่วนใหญ่จะแข็ง
ข้อดี ตั้งทรงง่าย ถ้าอมน้ำน้อยกว่าก็จะตาแห้งยากกว่า
ข้อเสีย ออกซิเจนไหลผ่านได้ไม่ค่อยดี ใส่แล้วรำคานเหมือนมีอะไรอยู่ในตา

ด้วยเหตุนี้ คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า อันไหนดีที่สุดล่ะ?
ก็คือ "ไม่มีเลนส์ไหนในโลกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนค่ะ"
เหมือนกับเสื้อผ้า ที่ทำไมไม่มีไซส์เดียว แบบเดียว
นั้นก็เพราะว่าโครงสร้างร่างกายเราไม่เหมือนกันทุกคน
รวมถึงดวงตาของเราก็ไม่เหมือนกันทุกคน
ดังนั้นผู้ผลิตทั้งหลาย ต่างก็ค้นคว้าและวิจัยเพื่อพัฒนาเลนส์
ที่เค้าคิดว่าเหมาะสมกับคนส่วนใหญ่ที่สุดค่ะ
แต่จาำกหลายๆยี่ห้อที่มีขายในท้องตลาด อันไหนจะเหมาะกับเราที่สุด
อันนี้ก็ต้องทดลองกันเองล่ะค่าาา :)

เพิ่มเติมไว้ เผื่อเพื่อนๆอยากจะลองเลือกซื้อคอนแทคเลนส์กันนะคะ
เรียงลำัดับความนิ่มของเลนส์รายปี (จากความรู้ึสึกเราผู้เขียนเอง)
จากนิ่มสุด -> แข็งสุด
NEO Vision > Barbie con > EOS > Vassen, Seeshell > GEO > Dueba